10 วิธี ที่จะเติมเต็มความคิดของคุณตอนที่คุณมืดแปดด้าน

1741

จะเติมเต็มความคิดของคุณตอนที่คุณมืดแปดด้านอย่างไร

บทความนี้แค่สะท้อนแนวคิดของผม ในฐานะที่ผมเคยทำอะไรหลายๆอย่าง มีดีบ้างไม่ดีบ้าง ทำอะไรมาก็มากซึ่งงานส่วนใหญ่ที่ทำก็ล้วนแต่เป็นส่วนที่เกี่ยวกับงานประจำ ซึ่งมีพฤติกรรมที่ยึดติดกับแนวทางเดิ่มที่เราทำงาน ถามว่าถูกต้องหรือเปล่าหรือปกติทุกคนเป็นแบบนี้หรือเปล่า ผมก็คนหนึ่งที่คิดแบบนี้คือ ถ้าคุณทำงานเกี่ยวกับโปรแกรม ก็มักจะอยากทำอะไรที่เกียวกับโปรแกรมให้ได้ดี เลอเลิศตามแบบที่ควรจะเป็น ไม่เป็นสองรองใคร เป็นอยู่อย่างนี้ หลายนาที หลายชั่วโมง หลายวัน หลายเดือน   จนสุดท้ายจนได้ มันก็หลายปี ชีวิตมันก็วนเวียนกับชีวิตเดิมๆ   เพิ่มเติมคือ แก่ลงทุกวัน ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ด้วยผลงานตัวเอง นั้นเรื่องใหญ่ๆ ไม่เคยมี บางที โดนเจ้านายด่า ภรรยายังบ่น ชีวิตก็สลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียบไป แต่อย่างว่า เมื่อเวลาผันผ่านไป ชีวิตก็หมุนผ่านตาม ความคิดคนก็ย่อมเปลี่ยนแนว  แต่ยังย่ำอยู่กับจัดเดิม ๆ เหมือนวัวพันหลัก ความคิดไม่ได้ออกจากหลักการเดิมสักเท่าไร

ถามว่าทำอย่างไรกับชีวิตหลังจากนี้ ด้วยวัยขนาดนี้ ผ่านชีวิตก็หลายปี อย่าไปนับเลย เวลาก็ตัวเลยตัวหนึ่ง แต่สิ่งที่เราเห็นการเปลี่ยนแปลงก็คือสังขาร ผมเริ่มขาว ฟันเริ่มหัก ผิวหนังเริ่มเหี่ยว โรคถามหา อะไรไม่เคยเกิดก็เกิด แรงเริ่มน้อย ถดถ้อบเป็นเรื่องธรรม ความคิดเริ่มหมด ตามเพื่อนไม่ทัน ไม่พัฒนา ไม่อะไรทั้งนั้น ชีวิตเริ่มท้อ เงินทองก็ไม่ค่อยมี  แต่ๆ ชีวิตยังต้องเดินต่อไปใช่ไหม

เอาละมาเริ่มกันเลย

1 ถอยหลังกลับมาสักนิด ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ผ่อนคลายให้รู้สึกโล่ง โปร่งสบาย อะไรที่รบกวนจิตใจก็ปล่อยวางลงสักพัก พูดง่ายไปหรือเปล่า พูดดูง่ายแต่จริงๆ ทำยาก เพราะอะไร  ในชีวิตเรามีเรื่องมากมายเข้ามาในชีวิตเรา เราหยุดคิดเรื่องนั้นได้ไหม เรื่องโน่นได้หรือเปล่า นั่นยังไม่เท่าไร  เราเหมือนจะลุกๆ นั้ง ๆ  อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา หาเวลาผ่อนคลายได้น้อยมาก แล้วชีวิตมันก็กลับไปเหมือนเดิน เพิ่มเติ่มคือ  เวลาที่เสียไป วันแล้ว วันเล่า เดือนแล้ว เดือนเล่า ปีแล้วปี เล่า เอาจริงๆ ก็ผ่านไปวันๆ  หยุดคิดสักนิด แล้วปล่อยทุกอย่าง วางเอาไว้ตรงนั้น สักพักหนึ่ง

2 เริ่มดีขึ้นแล้ว หลังจากที่เราปล่อยความคิดเราให้โล่ง เราจะรู้สึกผ่อนคลายแล้ว ต่อไปลองหาเพื่อนใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคิดอยากจะคุย หรือไม่เคยคุย หรือๆไม่กล้าคุยก็แล้วแต่ ส่วนผมไม่กล้าคิดจะคุยกับคนแปลกหน้าเลย ทำไมหรอ มันเป็นอะไรที่ยาก ทำไมถึงยาก เพราะเรากลัว อาการกลัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของคนปกติ ถ้าไม่กลัวซิแปลก ไม่ได้กลัวคนแปลกหน้าจะมาทำร้ายหลอกนะครับ แต่กลัวการเริ่มต้นมากกว่า   ทำไมถึงกลัว มันยากจะเอ่ยคำพูดคำแรกออกมา มันยาก ผู้อ่านจะเริ่มสงสัยนะซิ ลองคิดตอนที่เราเริ่มคิดจะจีบใครสักคน จะเข้าใจความรู้สึก นั้นดี  อยากจะคุยใจจะขาดแต่ไม่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี บางคนกล้าก็จะได้คุยแล้วก็ทำให้เกิดโอกาศในการพัฒนาความสัมพันธ์ จากเพื่อนไปเป็นแฟน แล้วก็เป็น สามีภรรยาในที่สุด ที่พูดมาไม่ได้หมากความว่าจะให้ทำถึงขั้นนั้นนะครับ เอาละ ทำไมต้องเพื่อนใหม่ เพื่อนเก่าไม่ได้หรอ เหตุผลคือเพื่อนเก่าที่เราคุยทุกวัน มันได้ไอเดียหรือเปล่า คือที่กลัวคือเรื่องเดิมๆ ที่คุณฟังมาทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี จนถึงวันนี้ เอาละ ลองหาเพื่อนใหม่คุยละกันลองดูครับ จะได้มีความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ขึ้นมาทันที

3.หลังจากที่เรามีการได้คุยกับเพื่อนใหม่แล้ว เราจะพบโอกาสใหม่ๆในการนำเรื่องใหม่ๆ มาพัฒนาสักยภาพตัวเองสักที ทำไงละมีความคิดใหม่ มีแนวคิดใหม่หรือยัง รู้หรือยังว่าวิธีละทำยังไง อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ทำได้ หรือทำไม่ได้ แล้วไงต่อละ สิ่งต่อไปที่เราจะทำต่อก็คือหาความรู้ เพิ่มเติ่ม แล้วจะหาจากไหนละ ส่วนผมก็หาจาก แหล่งความรู้ใหญ่ของโลกเช่น Google ก่อนเลยครับ สิ่งที่เราได้ฟังมากจากเพื่อนๆ แนวคิดใหม่ ๆ มันดีไหม มันจริงไหม เอามาปฎิบัติได้หรือเปล่า  สิ่งสำคัญมันมีคนเคยทำหรือยัง อย่าลืมว่าถ้ามีคนทำอยู่แล้ว มันต้องทำให้ดีกว่า เร็วกว่า เอาง่ายๆ คือ มันต้องเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นการเริ่มใหม่  ทำใหม่เลย อันนี้ถึงจะดีที่สุด  สรุปก็คือว่า ต้องหาความรู้มาเพิ่มเติ่มในแนวคิดใหม่ๆ นั้นเอง ทั้งในรูปสิ่งพิมพ์ ข่าว แหล่งความรู้ เป็นต้น ร่วมถึงเป็นสมาชิกในสิ่งที่น่าสนใจด้วยนะครับ

4.ต่อไปก็เรื่องมุมมอง หรือปฎิสัมพันธ์ เชิงบวก ผมไม่ขออธิบายเรื่องนี้นะครับเพราะผมอาจอธิบายออกมาไม่เป็นรูปแบบที่ถูกต้องนัก แต่ความหมายโดยภาพรวมก็คือ เมือเริ่มคิดใหม่ ทำใหม่แล้วขอให้ท่านผู้อ่านได้คิดพิจราณาถึงผลกระทบจำพวกอารมณ์ ความรู้สึกให้มาก อย่าคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก เช่นการเร่งเร้าให้เกิดปฎิกริยาที่ต่อต้านเป็นต้น  เอาเป็นว่าขอให้รักษาน้ำใจซึ่งกันละกันจะได้ไม่เปกิดความเครียด ซึ่งนันแหละเป็นตัวบั่นทอนให้เราได้เริ่มต้นแนวคิดใหม่ๆ ขึ้นมาทันที เพราะเมื่อเครียดแล้ว จะทำให้เราพะวงกับเรื่องนั้นไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นแล้วนะครับ

5.ปรับปรุงตัวเองโดยลองเริ่มคิดสิ่งที่คุณขาดหรือยังไม่ได้ทำในชีวิตขึ้นมาสิ พยามคิดแก้ปัญหาสิ่งใกล้ตัวก่อน ยกตัวอย่างเช่น โดยเริ่มจากที่บ้านตัวเองก่อน ซึ่งเป็นเรื่องง่ายกว่าเรื่องอื่น เช่น จะทำยังไงกับหญ้าหน้าบ้านดีนะ หรือจะทำยังไงให้บ้านน่าอยู่ เมื่อเริ่มมีแนวคิดผสมกับความรู้ใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ วิธีแก้ปัญหาด้วยแนวคิดใหม่ขึ้นมา เห็นไหมว่า เราเริ่มมีความคิดดีๆขึ้นว่าแล้ว ค่อยๆคิด ค่อยๆทำนะครับ เพราะ กรุงโรมไม่ทำสำเหร็จแค่วันเดียว อย่ารีบร้อน ให้มาก จะทำให้เกิดผิดพลาดมากกว่าเดิม

6.สิ่งที่ไม่เคยทำ ก็ทำบ้าง บางท่านไม่เคยดูภาพยนต์เลย เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องไรสาระ จะบอกให้นะ ไอเดียที่ทำกันใหม่ๆทุกวันนี้ ก็มาจากการดูภาพยนต์ ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยนะ เคยเห็นในภาพยนต์หลายเรื่องรถยนต์ไม่ต้องการคนขับแล้ว เอาเข้าจริงตอนนี้มีผู้พัฒนารถที่สามารถไร้คนขับได้แล้ว Testa car เป็นตัวอย่างที่ดีนะ เอาละ คงยังมีหลายเรื่องราวที่เห็นกันอยู่ในชีวิตประจำวัน นั้นก็เป็นเรื่องที่มองเห็นโอกาสในการคิดอย่างหนึ่ง

7.ที่พูดมา เล่ามา อาจจะยังไม่สามารถทำไอเดียหรือความคิดๆ ใหม่ได้เลยถ้าเราไม่เริ่มต้น อยากบอกท่านผู้อ่านว่าสิ่งที่อยากจะบอกคือ อยากให้เราได้มีการเริ่มต้นและต้องเป็นการเริ่มต้นด้วยตัวเอง อย่าหวังให้คนที่ไม่เข้าใจไอเดียของเรามามีส่วนในการตัดสินใจตั้งแต่เริ่มแรก เมื่อสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเริ่มสำเร็จเป็นรู้เป็นร่างและ สามารถประกาศหรืออธิบายให้คนอื่น เพื่อนร่วมงานของเราเข้าใจแนวคิดเราได้ นั้นแหละคือการสร้างไอเดียอย่างแท้จริง หวังว่าคงยังอ่านบทความของผมอยู่นะ

8.เอาละเริ่มได้ไอเดียกันแล้วนะ ข้อนี้สำคัญมากเลยนะครับ จากที่เราเริ่มจะประสบความสำเร็จขึ้นมา เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้นตอนนี้ผมว่าเริ่มจะสบายใจแล้วละครับ แต่ต้องบอกท่านผู้อ่านสักอย่างนะครับ อย่ารีบร้อน ทำไปลำดับขั้นตามที่มันควรจะเป็น สิ่งต่อไปคือการให้กำลังใจกับตัวก่อน เช่น เมื่อตั้งเป้ามหมายนี้แล้วได้ ต้องได้รับรางวัล อย่าลืมเลยนะครับ ถ้าไม่ตั้งเป้าหมายก็ไม่สามารถสร้างแรงบันดารใจได้นะครับ

9.สิ่งต่อไปคือแนวคิดในการพัฒนาคนอื่นให้เข้าใจแนวคิดหรือไอเดียของเรา โดยจะใช้หลักการที่เราทดลองแล้วเริ่มลงมือทำเป็นโจทย์ตั้งต้น แล้วบวกกับประสบการณ์ที่เรามี บอกต่อ เล่าต่อ แล้วก็เอาแนวคิดของเราใส่ให้คนอื่นที่มาฟังเรามีแนวคิดร่วม เพื่อจะได้มีแนวคิดอันใหม่ๆ เพิ่มเติ่มหลังจากนี้คุณก็จะมีแนวร่วมความคิดและสามารถหาแนวคิดใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

10.สุดท้ายคือสิ่งที่สำคัญในการสร้างไอเดียก็คือตัวเองต้องมีคือความมุ่งมั่นในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ข้อนี้อาจจะฟังดูง่ายแต่ปฎิบัติยาก เพราะส่วนใหญ่เมื่อเริ่มทำไอเดียใหม่สำเร็จแล้วมักจะแผ่วลง แล้ววงจรแบบนี้ก็จะกลับมาอีกคือ เริ่มช้า เริ่มกลับเข้าสู่วงจรเดิมที่เคยผ่านมาตั่งแต่ข้อแรก

ชนะนันท์

Facebook Comments